ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ณ เวลา 10.23 น. อยู่ที่ระดับ 37.25 บาท บวก 2.75 บาท หรือ 7.97% สูงสุดที่ระดับ 37.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 36.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.68 พันล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT อยู่ที่ระดับ 40 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.63% สูงสุดที่ระดับ 40.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 40.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 288.66 ล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 40 บาท โดยมองว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวรวมถึงดีมานด์ถุงมือยางที่ยังเติบโตเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการของบริษัทให้เติบโต เชื่อว่าบริษัทจะยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงได้
ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 1.75 บาทต่อหุ้น (Div.Yld. 5.1%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 เม.ย. 64 และจ่ายเงินปันผล 29 เม.ย. 64
ด้านแนวโน้มยางธรรมชาติฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ซัพพลายถุงมือยางยังคงขาดแคลน แนวโน้มธุรกิจยางธรรมชาติฟื้นตัวต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมา สะท้อนผ่านราคายาง SICOM ที่ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ 150 cent/kg (เม.ย. 63 อยู่ที่ 103 cent/kg)
โดยการบริโภคล้อยางเริ่มกลับมาจากการปรับอัตราภาษีรถยนต์ใหม่ รวมถึงเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าในช่วงไตรมาส 1/64 ยอดขายยางธรรมชาติจะไม่ต่ำกว่า 3 แสนตัน โดยคาดว่าจะเติบโตในทุกผลิตภัณฑ์ทั้งราคาขายและปริมาณขาย ขณะที่ธุรกิจถุงมือยางยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถปรับราคาขายเฉลี่ยขึ้นได้อีกราว 20% จากไตรมาสก่อน แผนขยายโรงงานน้ำยาง เพื่อรองรับการผลิตถุงมือยางที่เพิ่มขึ้น บริษัทมีแผนขยายโรงงานน้ำยางเพิ่ม 3 โรงงาน
(1) บึงกาฬ คาดว่าดำเนินการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 1/65 (2) ชุมพร คาดว่าดำเนินการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3/65 และ (3) สุราษฎร์ธานี คาดดำเนินการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 1/66 โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิต 111,549 ตันต่อปี (เพิ่มขึ้น 39% จากปี 2563) ใช้เงินลงทุนราว 900 ล้านบาท โดยการขยายโรงงานดังกล่าวเพื่อรองรับการผลิตถุงมือยางที่เพิ่มขึ้น ฃ
ทั้งนี้ ปรับประมาณการรายได้รวมปี 2564 ขึ้น 9% จากประมาณการเดิมเป็น 88,274 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าปริมาณขายยางธรรมชาติทั้งปีเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน และตั้งเป้าปริมาณขายถุงมือยางทั้งปีเติบโต 14% จากปีก่อน และปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้น 72% จากประมาณการเดิมเป็น 12,603 ล้านบาท (เดิม 7,333 ล้านบาท)
ขณะเดียวกันปรับอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564 ขึ้นเป็น 29.2% (เดิม 20%) จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังดีต่อเนื่องทั้งธุรกิจยางธรรมชาติและธุรกิจถุงมือยาง บริษัทมีแผนเริ่มธุรกิจปลูกกัญชงขนาด 100-200 ไร่ในช่วงเริ่มต้น บริษัทมีแผนเริ่มธุรกิจปลูกกัญชงขนาด 100-200 ไร่ในช่วงเริ่มต้น ในจังหวัดน่าน สกลนคร และ ชัยภูมิ
โดยเป็นพื้นที่ของบริษัทอยู่แล้ว คาดว่าจะขอใบอนุญาตในช่วงเดือน มี.ค. 64 และจะ สามารถเริ่มปลูกได้ในช่วงเดือน มิ.ย. 64 คาดว่าจะเก็บผลผลิตได้ในช่วงปลายปี 2564 นอกจากนี้มีแผนที่จะตั้งศูนย์สกัดน้ำมันกัญชงในอนาคต ทั้งนี้ธุรกิจปลูกกัญชงยังไม่ได้อยู่ในประมาณการ