เช้านี้ที่หมอชิต – ตำรวจเร่งคลี่ปมคดีเด็กชายอายุ 1 ขวบ 6 เดือน ที่เสียชีวิตด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง โดยพบพิรุธหลายอย่างหลังสอบปากคำทั้งพ่อแท้ ๆ ของเด็ก และแม่เลี้ยง ล่าสุดทั้งคู่หายตัวไปจากบ้านเช่าเกิดเหตุ ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนเร่งติดตามตัว
ตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร รับแจ้งเหตุเด็กชายอายุ 1 ขวบ 6 เดือน เสียชีวิตด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยหญิงอายุ 26 ปี ซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ของเด็ก เล่าว่า เธอเลิกกับสามีไปตั้งแต่ปี 2563 และตกลงแบ่งลูกกันเลี้ยง โดยลูกชายอยู่กับพ่อ ส่วนลูกสาวอยู่กับเธอ
จากนั้นราว 5-6 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายชายก็มีภรรยาใหม่ กระทั่งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เธอได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ แจ้งว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการโคม่า จึงรีบเดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาเฝ้าดูอาการ แต่ไม่นานลูกชายก็เสียชีวิต ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าครั้งแรก พ่อและแม่เลี้ยงอ้างว่าเด็กชายตกจากที่สูง ก่อนจะอ้างว่าเด็กชายถูกตู้ล้มทับ
แม่แท้ ๆ ของเด็กตั้งข้อสังเกตว่า ลูกชายอาจถูกทำร้าย เนื่องจากสภาพศพมีรอยเขียวช้ำ ทั้งที่หน้าอกและท้ายทอย ต่อมาตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก เรียกตัวพ่อและแม่เลี้ยงของเด็กมาสอบปากคำ แต่ทั้งคู่ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเด็กชายปีนตู้เสื้อผ้าที่สูง 2 เมตร เพื่อจะขึ้นไปเอาขวดนมที่วางอยู่ด้านบน จึงทำให้ถูกตู้ล้มทับ ขณะที่ข้อมูลจากการสอบปากคำเพื่อนบ้าน หลายคนยืนยันตรงกันว่ามักได้ยินเสียงเด็กชายร้องไห้ และเสียงคล้ายถูกทำร้ายเป็นประจำ
สอดคล้องกับข้อมูลจากปู่ของเด็กชาย ซึ่งเล่าว่าก่อนหน้านี้เขาพยายามจะมาเยี่ยมหลานหลายครั้งแล้ว แต่ก็มักถูกภรรยาใหม่ของลูกชายกีดกัน ถึงขั้นแจ้งความว่าเขาก่อกวน จนเกิดเหตุก็เชื่อว่าหลานชายถูกทำร้าย เพราะล่าสุดลูกชายและภรรยาใหม่ ก็พากันหอบข้าวของหนีไป ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างจัดงานศพลูกน้อย
ขณะนี้ตำรวจได้ส่งศพของเด็กชายไปชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลระนองอีกครั้ง เนื่องจากการสอบสวนพยานและตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าขัดแย้งกับคำให้การของพ่อและแม่เลี้ยง เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่เด็กชายจะปีนขึ้นไปเอาขวดนมบนตู้เสื้อผ้าจนทำให้ถูกตู้ล้มทับได้ ล่าสุดชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวพ่อและแม่เลี้ยงของเด็กที่หลบหนีไปมาสอบปากคำ และดำเนินคดีตามกฎหมาย