อาชญากรรม
หนุ่มเป็นโรคซึมเศร้า ปลิดชีพตัวกลางสวน
วันพุธ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564, 19.47 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 29 ก.ย. 64 พ.ต.ท.อำพล นุชนงค์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งมีคนยิงตัวตาย ม.8 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรายงานให้ทาง พ.ต.ท.ปนินทร โชติ รอง ผกก.สอบสวน รรท.ผกก.สภ.เมืองชุมพร และพ.ต.ท.วิชิต ขำคชกรรณ รอง ผกก.สืบสวน ให้ได้ทราบ ก่อนรุดมาตรวจสอบพร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์
โดยในที่เกิดเหตุอยู่กลางสวนปาล์มน้ำมัน มีรั้วลวดหนามกั้นเขตเนื้อที่ กว่า 30 ไร่ เจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ตอนครึ่งสีเขียว ทะเบียน บ-8878 ชุมพร จอดอยู่บนถนนดินภายในสวน บนกระบะด้านหลังมีเครื่องตัดหญ้า 1 เครื่อง และอุปกรณ์การทำสวนเต็มคัน ห่างไปเล็กน้อยพบรถ จยย.สีดำ ทะเบียน 1 กฌ 7606 ชุมพร จอดอยู่ระหว่างตันปาล์มน้ำมัน ห่างไปประมาณ 10 เมตร พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อภายหลังคือนายปิยวัฒน์ กุมพิมล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ที่ 7 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน เสื้อเชิ้ตน้ำเงิน จุดแดง รองเท้าแตะ สภาพนอนคว่ำอยู่ใต้ต้นปาล์ม ติดกับรั้วลวดหนามด้านหน้า ใกล้กันพบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม.ตกอยู่บนพื้น จำนวน 2 ปลอก
เจ้าหน้าที่จึงได้กั้นเขตพื้นที่ เนื่องจากชาวบ้านที่รู้ข่าว เริ่มเดินทางกันมาเป็นจำนวนมาก โดยให้ทางญาติๆของผู้ตาย ยืนรออยู่ในระยะที่ปลอดภัยตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พร้อมให้ทางแพทย์ และชุดกู้ภัย สวมชุด PPE เข้าเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้สะดวก ก่อนปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน สืบสวนและพิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บรายละเอียด โดยพบว่าศพนอนทับอาวุธปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก มีปลอกกระสุนติดขัดลำกล้อง จำนวน 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการชันสูตรเบื้องต้น ตามร่างกายไปพบร่องรอยการถูกทำร้าย และรูกระสุน แต่อย่างใด มีเพียงบริเวณปากและจมูก มีเลือดไหลออกมาเพียงเล็กน้อย และบริเวณท้ายทอย มีลักษณะกระสุนตุงไม่ทะลุออกมาจากกะโหลก เจ้าหน้าที่จึงได้นำร่าง ไปทำการเอ๊กซเรย์ ศีรษะ ที่ รพ.ชุมพรฯ ซึ่งทราบภายหลัง พบว่าเป็นกระสุน จึงได้ทำการผ่าตัด เอาหัวกระสุนออกมา แบบลูกซ้อมยิง ขนาด 9 มม.
สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นายปิยวัฒน์ ผู้ตาย ได้ขับรถ จยย.มาที่สวนปาล์มดังกล่าว โดยมีนายภาณุวัฒน์ เกิดด้วยทอง (เป็นทหารอยู่ มทบ.44 ค่ายเขตอุดมศักดิ์ ) อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 หมู่ที่ 8 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช และนายนันท์นภัส ศาสตร์หนู (เป็นทหารอยู่ มทบ.44 ค่ายเขตอุดมศักดิ์ ) อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/1 หมู่ที่ 3 ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร ขับรถกระบะกันมา ซึ่งทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิท โดยก่อนเกิดเหตุ นายปิยวัฒน์ ผู้ตาย ขอร้องให้ทั้งสองนำอาวุธปืนมาด้วย เพราะต้องการอยากจะซ้อมยิงปืน ซึ่งทั้งสองก็ได้นำอาวุธปืนมาให้พร้อมลูกซ้อมเพราะเห็นว่าคบหากันมานาน โดยนายปิยวัฒน์ ได้นำขวดน้ำอัดลม ไปตั้งที่โคนต้นปาล์มเพื่อเป็นเป้ายิง และยิงไปได้เพียง 2 นัด แล้วก็เลิก โดยอาวุธปืนได้นำไปเก็บไว้ในรถกระบะ ก่อนทั้งสามจะขึ้นไปตัดหญ้าในสวนปาล์ม
ต่อมาทางนายปิยวัฒน์ ได้เดินกลับลงมาก่อนเพียงครึ่งชั่วโมง นายภาณุวัฒน์กับนายนันท์นภัส ก็เดินลงมา เห็นประตูรถเปิดอยู่เลยผิดสังเกต จึงสำรวจทรัพย์สินภายในรถก็พบว่าอาวุธ ขนาด 9 มม.หายไป พร้อมกับนายปิยวัฒน์ ทั้งสองได้เดินหาตัวแต่ไม่พบ เจอแต่รถ จยย.จอดทิ้งไว้ จึงได้ขับรถกระบะออกติดตาม แต่ไม่พบ จึงกลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้ง แล้วเดินไปที่ซ้อมยิง ก็พบนายปิยวัฒน์ นอนเสียชีวิตอยู่ใต้โคนต้นปาล์มแล้ว จึงได้โทรแจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว
จากการสอบถามทางนายปกรณ์ นาคจันทร์ ซึ่งเป็นน้องชายผู้ตายทราบว่า ตัวพี่ชาย เคยมีประวัติติดยาเสพติดอย่างรุนแรง จนทางพ่อได้บังคับให้ไปบำบัด ซึ่งพี่ชายก็ได้ไปบำบัดตามคำสั่งพ่อ และอยู่ได้ระยะหนึ่ง ก็ได้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน พี่ชายก็กลับมาแอบเสพยาอีก ซึ่งทางบ้านก็ได้ขอร้องให้ไปบำบัดอีก และ ก่อนจะกลับมาได้เพียง 3 วัน พี่ชายได้ทำร้ายตัวเอง โดยใช้มีดแทงเข้าบริเวณคอแต่โชคดีที่ ทาง รพ.ช่วยไว้ได้ และเมื่อกลับมาบ้าน พี่ชายก็เก็บตัว คล้ายคนซึมเศร้า จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดอาวุธปืน ทั้งสองกระบอกไว้ตรวจสอบพร้อมเก็บรอยนิ้วมือของนายภาณุวัฒน์ และนายนัท์นภัส ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปพิสูจน์ตรวจสอบหาร่องรอยแฝงบนกระบอกปืน พร้อมตรวจหาเขม่าดินปืนจากมือผู้ตาย เพื่อรวบรวมก่อนนำมาสรุปคดีว่าเป็นการยิงตัวตายหรือไม่อย่างไรต่อไป
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่