29 ม.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำ น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เขต 2 หลังชนะการเลือกตั้งซ่อมครั้งที่ผ่านมา พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนขึ้นรถแห่ขอบคุณว่า
ขอถือโอกาสนี้กราบขอบคุณพี่น้องชาวสงขลา เขต 6 อีกครั้ง และขอเลยขอบคุณไปที่ชุมพร เขต 1 ด้วย สำหรับสงขลา เขต 6 ถือว่าเป็นความกรุณาของพี่น้องชาวสงขลา เขต 6 ซึ่งตนได้เคยให้สัมภาษณ์ไปว่าทั้งหมดคือเสียงสวรรค์ที่ชาวสงขลา มอบให้พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส. สุภาพร กำเนิดผล ในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา
“พวกเราทุกคนมีความซาบซึ้งใจในความกรุณาในทางการเมืองของพี่น้องทุกคน และได้กำชับ ส.ส. คนใหม่ไปแล้วว่า เราจะต้องตั้งใจมุ่งมั่นทำหน้าที่ให้สมกับที่พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ และต้องทำหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งงานในพื้นที่ที่ประชาชนได้ตั้งความหวังไว้กับเราในหน้าที่ของผู้แทน และภารกิจในสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 2 ส่วนเป็นอย่างน้อยที่จะต้องทำให้ครบถ้วน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว…
พร้อมกับระบุว่า จากผลการเลือกตั้งดังกล่าว ช่วยให้พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ และพวกเราในภาคใต้ รวมถึงทุกภาคมีความภูมิใจ และมีขวัญกำลังใจดีขึ้น ตนได้ไปจังหวัดเชียงใหม่วานนี้ สมาชิกที่เชียงใหม่ก็ดีใจ ทำให้สถานการณ์ที่นั่นคึกคัก ทุกคนมีกำลังใจมากขึ้น รวมทั้งผู้ที่สนใจจะเดินเข้ามาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ก็มีความมั่นใจขึ้นในทุกภาค สำหรับในภาคใต้นั้น ถัดจากนี้ตนจะทยอยเดินทางไปเปิดตัวผู้สมัครของพรรค โดยเฉพาะที่ตั้งใจไว้แล้วคือที่นครศรีธรรมราช กระบี่ พัทลุง และใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งในภาคอีสานด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ อดีตผู้สมัครของพลังประชารัฐจะมาร่วมงานกับประชาธิปัตย์ รวมทั้งก่อนหน้าที่มีคนย้ายไปพลังประชารัฐและขอกลับมาประชาธิปัตย์นั้น จะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ก็จะต้องพิจารณาทุกคน ขอไม่พูดถึงกรณีน้องโบ๊ต นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ซึ่งต้องให้นายเดชอิสม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคใต้ได้รายงานอย่างเป็นทางการก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพียงแต่ผู้ที่สนใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค พรรคก็เปิดกว้าง และยินดีต้อนรับทุกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และต้องติดตามตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่ามีอุดมการณ์ทิศทางเดียวกันกับพรรค เพราะการทำงานในพรรคเมื่อมาทำงานด้วยกัน เราก็อยากให้เขามาอยู่กับเราตลอดไป ขณะเดียวกันก็มาร่วมทำงานกับเราอย่างจริงจัง ไม่อยากให้เข้ามา 2 วัน แล้วย้ายไป 3 วัน ขณะนี้ก็มีเลือดใหม่ คนรุ่นใหม่เข้ามาเยอะและจะทยอยเปิดตัวต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากสนามเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา จะเป็นตัวชี้วัดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาทวงพื้นที่ในภาคใต้ได้อีกหลายจังหวัดใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ก็เป็นตัวชี้วัดหนึ่งเท่านั้น เราก็ไม่ได้ประมาท และไม่ได้เหลิงว่าชนะเลือกตั้งซ่อมเที่ยวนี้แล้ว ต่อไปจะทำอะไรก็ได้ไม่ใช่อย่างนั้น
“พวกผมนั้นเจียมตัวเสมอ โดยเฉพาะในช่วงยุคที่ผมเป็นหัวหน้าพรรค ผมก็เจียมตัวเสมอ ผมพยายามพูดว่าเราก็ยังต้องทำงานหนักต่อไป ต้องทุ่มเทต่อไป ทำงานให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม ทั้งในพื้นที่ทั่วประเทศ และในฐานะที่เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล งานกระทรวงไหนที่เรารับผิดชอบทุกคน ท่านนิพนธ์ก็ตระเวนมอบโฉนดให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ผมรับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์ เราก็เข้ามาดูแลสนับสนุนประกันรายได้ให้เกษตร ทุ่มเทเรื่องการส่งออก สินค้าราคาขึ้นตอนนี้ก็พยายามบริหารจัดการ ตอนนี้ก็เริ่มทรงและเริ่มดีขึ้น กระทรวงเกษตรก็เข้าไปดูแลพี่น้องเกษตรกร กระทรวง พม. ก็ดูแลกลุ่มเปราะบางต่างๆ เราก็พูดกันเสมอว่าเราต้องทุ่มเทในการทำหน้าที่ให้เต็มกำลังความสามารถ เพราะว่าประชาธิปัตย์ยังต้องอยู่ต่อไปอีกนาน พรรคการเมืองของเรา เราเป็นสถาบันทางการเมืองไม่ใช่พรรคการเมืองที่คิดว่าตั้งขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จะเลิกรากิจการทางการเมืองไป เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ ทุกคนที่เข้ามาร่วมงานกับพรรค” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว…
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ขณะนี้ประชาธิปัตย์เนื้อหอม มีคนสนใจเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และอาจจะมีคุณสมบัติเด่นกว่าคนเดิม จะมีหลักในการพิจารณาผู้สมัครอย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จะดูความเหมาะสม มีอดีตผู้สมัครของเราในหลายพื้นที่ที่ยังหนักแน่น ยืนหยัดอยู่กับพรรคไม่เปลี่ยนแปลง เช่นที่ภาคเหนือ คราวที่แล้วเรามีผู้แทน 13-14 คน เราตกเกือบหมดเหลือคนเดียว แต่ทั้ง 13-14 คน ที่เป็นอดีต ส.ส. ยังเหนียวแน่นอยู่กับพรรค และเราก็ถือว่าทุกคนมีศักยภาพ เพราะฉะนั้นก็จะเปิดโอกาสให้เขาเป็นคนแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งในหลายพื้นที่ ยกเว้นบางพื้นที่ที่ผู้สมัครเองในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็ยอมรับว่าเมื่อเทียบกับบางท่านยังถือว่าอ่อนอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าเราได้คนที่เหมาะสมกว่า เขาก็พร้อมที่จะหลีกทาง ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นสปิริตของสมาชิกของพรรค และผมต้องขอขอบคุณล่วงหน้าไว้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนพื้นที่ภาคอีสาน ถือเป็นโจทย์หลักของพรรคหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ภาคอีสานยังเป็นโจทย์ใหญ่ ยังไม่อยากพูดว่าเป็นโจทย์หลัก เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ตนลงพื้นที่ร่วมกับทีมงานในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีเสียงตอบรับในภาคอีสานดีขึ้น และเราได้ตัวผู้สมัครที่มีศักยภาพมากขึ้นในหลายพื้นที่ หลายจังหวัด และขณะนี้ก็ยังมีทยอยประสานงานต้องการมาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค ต้องถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ดีขึ้นในสถานการณ์ปีที่ผ่านมา และในช่วงเวลานี้