ตำรวจสืบภ.7 ซุ่มจับคนร้ายอาศัยช่วงจังหวะงดออกนอกเคหสถาน ขนยาบ้า 2 ล้านเม็ดลงใต้

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 7(ผบก.สส.ภ.7) พ.ต.อ.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รองผบก.สส.ภ.7  พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์  รัตนอุดมพล ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.7 พร้อมกำลังตำรวจ บก.สส.ภ.7 จับกุม นายสมเกียรติ หรืออ้น กระแสงแก้ว อายุ 43 ปี (คนขับรถ) อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 6  ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายอรรถพล หรืออรรถ  เขียวชะอุ่ม  อายุ 34 ปี (คนนั่งข้าง) อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 5 ต.ท่ายาง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวนประมาณ  2,000,000  เม็ด รถยนต์แบบอเนกประสงค์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นจีวากอน สีเทาดำ ทะเบียน ษน-2520 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์  ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.7สั่งการให้ตำรวจ บก.สส.ภ.7 สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มขบวนการในการขนยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางไปยังภาคใต้ จำนวนมาก โดยกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดมาทางถนนพระราม 2 และถนนเพชรเกษม โดยใช้รถยนต์แบบอเนกประสงค์เป็นยานพาหนะในการขนส่ง จึงแบ่งกำลังชุดจับกุมเดินทางไปซุ่มตามจุดต่างๆของถนนพระราม 2 เพื่อตรวจสอบและทำการจับกุม เฝ้ารอพบรถยนต์แบบอเนกประสงค์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ กำลังขับรถมาตามเส้นทางถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงภาคใต้ จึงขับรถติดตามรถคันดังกล่าว จนไปถึงบริเวณภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. หมู่ 4 ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

จากนั้นจึงเข้าไปแสดงตัวเป็นตำรวจควบคุมตัวคนขับรถและคนนั่งข้าง ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าพลาสติกภายในรถ มีจำนวนประมาณ 2,000,000เม็ด เบื้องต้น จากการซักถามผู้ต้องหา ให้การรับว่า รับคำสั่งจากผู้สั่งการ ให้ขับรถไปรับยาบ้า แถว จ.สมุทรปราการ แล้วให้นำไปส่งที่ จ.กระบี่ โดยเมื่อขับไปถึง ให้โทรหาผู้สั่งการ แล้วผู้สั่งการจะบอกว่าให้ไปส่งยาบ้าที่ไหน ซึ่งนายสมเกียรติ คนขับรถและนายอรรถพลฯ คนนั่งข้าง ได้ค่าจ้าง 400,000 บาท โดยตำรวจจะได้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป จึงนำของกลางพร้อมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดี “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”