วันอาทิตย์ ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
รัฐบาล‘ประยุทธ์’โชว์ผลงานEEC
ฟาดกลับเพื่อไทย
ชี้เงินไหลเข้าปท.เฉียด2ล้านล้าน
‘บิ๊กป้อม’ฟิตพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง
สานต่องานช่วยเหลือประชาชน
‘จุรินทร์’นำทัพปชป.ปักธงชุมพร
รัฐบาลโชว์ผลงาน EEC ทะลุเป้าโกยเงินเข้าประเทศเพียบ หลังโดนเพื่อไทยด้อยค่าหาว่าล่าช้าล้มเหลว ในขณะที่ “บิ๊กป้อม” ฟิตจัด ประกาศพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งสานต่อช่วยเหลือประชาชน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จ่อเยือนสุราษฎร์ธานี จันทร์นี้ ด้าน“ก้าวไกล” ชูนโยบายชุดแรก สังคายนากองทัพ
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่าในช่วง 3ไตรมาสที่ผ่านมา(ม.ค.-ก.ย.)ของปี2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 436 รายโดยในจำนวนนี้มีนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่สนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน80 ราย คิดเป็น 18 %ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 40,555ล้านบาท คิดเป็น 41 % ของเงินลงทุนทั้งหมด สะท้อนถึงความสำเร็จของ EECในส่วนการดึงดูดนักลงทุนและเม็ดเงินเข้ามาลงทุนไหลเข้าสู่ประเทศ
“โดยในช่วง 4ปีที่ผ่านมา แม้โครงการจะเผชิญอุปสรรคปัญหาต่างๆจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19วิกฤติเศรษฐกิจโลก สถานการณ์สู้รบในยูเครนและผลกระทบต่อราคาพลังงานแต่ในพื้นที่ EEC กลับมีผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมโดยมีงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เกินจากเป้าหมายในแผนแรกของ EECที่กำหนดไว้ 1.7ล้านล้านบาทใน 5 ปี”
แจง 10 ข้อเท็จจริงEECให้ตาสว่าง
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่ากรณีที่พรรคเพื่อไทย โดย ผอ.ศูนย์นโยบายพรรคได้กล่าวถึงนโยบาย EECโดยเปรียบเทียบ กับนโยบาย”เขตธุรกิจใหม่”10 ข้อของพรรคเพื่อไทยนั้นจึงขอชี้แจงให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน และเสียโอกาส ดังนี้
1. อีอีซี ได้สร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบแล้ว มีการวางโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและเทคโนโลยีดิจิทัลและยังมีสิทธิประโยชน์เสนอให้นักลงทุนโดยเฉพาะ ครอบคลุมการแก้ไขตั้งแต่ต้นตอเรื่องการลงทุน มีสิทธิประโยชน์ชุดใหม่และมีกลไกแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ ที่สร้างความล่าช้าในการนำมาใช้ ตามที่เพื่อไทยเสนอที่ไม่รู้ว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตระกูลใดเป็นการเฉพาะหรือไม่
2. อีอีซี มีกฎหมายพิเศษในอีอีซี คือ กฎหมายเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์และยังครอบคลุมทุกด้าน เช่น ใบอนุญาต ที่ดินทำกิน ป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันทางการค้า การนำเข้าส่งออก แรงงาน วีซ่า ภาษี สิทธิประโยชน์ ธุรกรรมการเงิน ทรัพย์สินทางปัญญา ระบบยุติธรรม ดังนั้นจึงขอให้ทีมงานเพื่อไทยศึกษา พรบ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 2561 ให้ละเอียดโดยเฉพาะหมวด 4 การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหมวด 5 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และอีอีซีไม่มีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย มีการพิจารณาปลดล็อกกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคมาโดยตลอด
ส่งเสริม12อุตสาหกรรมเป้าหมาย
3. อีอีซี มีการส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve industries) ที่จะสร้างศักยภาพความสามารถเทคโนโลยีของประเทศ และทักษะฝีมือของแรงงานไทยให้เพิ่มขึ้น และมีการสนับสนุน เปิดโอกาสทุนย่อย และ SMEs จึงไม่มีการผูกขาดอุตสาหกรรมใด 4. อีอีซี มีสิทธิประโยชน์ด้านการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนารูปแบบและเงื่อนไข เพื่อทันต่อการใช้งานและให้เข้ากับสถานการณ์การเงินทั่วโลก เข่น ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้เตรียมทดสอบระบบเงินบาทดิจิทัลแล้
แผนพัฒนา 8 แผน ครบวงจร
5. อีอีซี มีแผนพัฒนา 8 แผน ครบวงจร ซึ่งแต่ละแผนจะเชื่อมโยงกัน นำไปสู่การพัฒนาพื้นที่อย่างสมบูรณ์แบบเป็นรูปธรรมและยั่งยืนในทุกมิติ ดังนั้นที่กล่าวหาว่า “อีอีซี คือจิกซอว์ไม่ครบวงจร” จึงเป็นข้อวิจารณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ขาดความรู้ สิ่งที่กล่าวอ้างว่า “จะมี” ในเขตธุรกิจใหม่นั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลขณะนี้รองรับไว้หมดแล้ว และเกินกว่าที่เพื่อไทยคิดไปมาก ดังนั้นที่กล่าวหาว่าอีอีซีเน้นมิติเดียว ขาดกลไกนอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ในการดึงเงินต่างชาติ จึงไม่ถูกต้อง
ศูนย์กลางคมนาคม-โลจิสติกส์ภูมิภาค
6. อีอีซี เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาคเอเชียอย่างครบวงจร ซึ่งจะเชื่อมตลาดโลกได้อย่างรวกเร็ว คล่องตัว จะเห็นได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการคมนาคมแบบไร้รอยต่อทั้งทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ ดังนั้นจึงเป็นการขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้างว่า อีอีซี ไม่ตลาดเล็กจึงไม่จริง
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค
7. อีอีซี กำหนดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค ที่กำหนดประเภทอุตสาหกรรมของแต่ละภาคเพราะต้องการดึงศักยภาพที่พร้อมและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานรากตามศักยภาพในท้องถิ่นนั้น ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งประเทศเชื่อมโยงกับอีอีซีอย่างเป็นระบบ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในย่านอีอีซีจะได้โฟกัสระบบต่างเฉพาะทาง หากใช้แผนของพรรคเพื่อไทยที่เขตธุรกิจใหม่ เปิดกว้างครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมก็จะเกิดความซ้ำซ้อน สะเปะสะปะ ไม่ได้ดึงศักยภาพการใช้ประโยชน์ในเชิงพื้นที่มาใช้เลย เป็นแผนการพัฒนาที่ลงทุนมากผลตอบแทนน้อย
ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติทุกด้าน
8.อีอีซี สิทธิประโยชน์ต่างๆที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EECเพียงเท่านั้นแต่ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงและภาพรวมของประเทศยังได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ที่จะได้มีโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ระบบสาธารณสุข ระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย มีโอกาสมีงานทำและรายได้ที่ดีขึ้น เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังเกิดการมีส่วนร่วมเช่น อีอีซีสแควร์ บัณฑิตอาสา เยาวชนต้นแบบ โครงการต้นแบบสวนภาษาอังกฤษ และจีน หลักสูตรอีอีซีกับการบริหาร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นโดยคาดการณ์ว่าไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างน้อย 5%ต่อปี
9. อีอีซี มีกฎหมายพิเศษในอีอีซีที่เพื่อส่งเสริมการลงทุน ปลดล็อคการข้อจำกัด และยังได้สิทธิประโยชน์และครอบคลุมทุกด้าน อย่างเป็นธรรมและง่ายต่อการลงทุน 10. อีอีซี ปัจจุบันมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนไว้แล้ว ตามนโยบายและพื้นที่การลงทุนแต่ละพื้นที่ ทำให้รองรับผู้ลงทุนและเงินลงทุนทั้งในและนอกประเทศ อย่างไร้ขีดจำกัดได้ทันที
เย้ยพท.นโยบายศก.ล้าหลัง
น.ส.ทิพานันกล่าวว่าการที่พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ต้องมีการวางโครงสร้างใหม่ กฎหมายใหม่ เงื่อนไขใหม่ ทำความเข้าใจนักลงทุนใหม่ ประชาชนจะสามารถพิจารณาเองได้ว่าจะต้องใช้ระยะอีกกี่สิบปี ไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง เลื่อนลอย ล้าหลัง รวมถึงระยะเวลาจริงในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงอยากให้พรรคเพื่อไทย ศึกษา พรบ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก2561ให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนเปรียบเทียบวิจารณ์ เพราะสิ่งที่ รัฐบาลโดย พล.อประยุทธ์ได้วางแผนและทำล้ำหน้าและทันสมัยไปมากกว่าที่เปรียบเทียบแล้ว ที่สำคัญยังโปร่งใสไม่มีทุจริตเอื้อตระกูลใดตระกูลหนึ่งด้วย
“สิ่งที่พรรคเพื่อไทย ต้องตระหนักก่อนหาเสียงคือในความเป็นจริง EEC นั้นได้เริ่มแล้วและมีแนวโน้มที่สดใส ครอบคลุมการพัฒนาเชิงโครงสร้างไปทุกจังหวัด เช่นการคมนาคม การวางระบบ5Gที่รวดเร็วที่สุด ครอบคลุมมากสุดในอาเซียน เพื่อเข้าพื้นที่และลงทุนอีอีซี ขณะนี้ก็มีนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จะสร้างโอกาสให้ไทยกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด ยิ่งหากรัฐบาลได้เดินหน้าต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง จะสร้างเม็ดเงินเข้าไหลเข้ากระเป๋าประชาชนได้อย่างมั่งคั่งเป็นรูปธรรมทันเวลา”น.ส.ทิพานัน ย้ำ
พปชร.โวผลงานรบ.ดี/อ่อนปชส.
นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯว่าคนใต้ยังเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นรัฐบาลที่ทำงานเข้าถึงกับประชาชนมากที่สุด ประชาชนได้ใช้เงินของรัฐบาลแบบตรงไปตรงมาไม่ผ่านอะไรเลยในการเยียวยาประชาชน เห็นถึงความบริสุทธิ์ในการจัดสรรงบประมาณ ปัญหาต่างๆที่เข้ามาถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมานายกฯทำงานดีมากแต่ชาวบ้านกลับไม่ได้รู้เพราะฉะนั้นเราจะต้องประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลรวมถึงนโยบายต่างๆไปถึงประชาชนทั้งประเทศ แต่ขาดการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังถึงแม้จะมีโฆษก รองโฆษกของพรรคหลายคนที่เข้ามาทำหน้าที่แต่ยังทำงานไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทั้งๆที่เรามีผลงานมากมาย แต่การประชาสัมพันธ์ยังยอมรับไม่ได้
“การเสนอข่าวปัจจุบันแม้รัฐบาลจะทำงานดีแค่ไหน แต่มุมมองของสื่อก็มักจะออกมาในรูปแบบตรงกันข้าม และประชาสัมพันธ์ของพรรค ก็ไม่มีคนที่จะออกมาตอบโต้ เท่าที่ผมเห็นก็มีแค่ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่ออกข่าวตอบโต้แทนพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อยู่เสมอซึ่งผมได้เสนอหัวหน้าพรรคไปแล้วว่าน่าจะมีการปรับเปลี่ยนให้ นายสามารถเข้ามาดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์ เพราะนายสามารถมีความรู้รอบด้านที่จะนำมาช่วยการสื่อสารของพรรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ชึ่งทราบมาว่า จะมีการแต่งตั้งนายสามารถมาเป็นทีมประชาสัมพันธ์ของพรรคเร็ว ๆ นี้”นายพยม กล่าว
ปชป.เปิดตัว3ว่าที่ผู้สมัครสส.ชุมพร
เวลา11.00น.ที่ เพื่อนใจรีสอร์ต จ.ชุมพร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปร่วมงาน”รวมพลังประชาธิปัตย์ ชุมพร” และมีสมาชิกพรรคเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น บรรยากาศการเปิดตัวผู้สมัครประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 เขตเป็นไปด้วยความคึกคัก
โดยผู้สมัครทั้ง 3 เขต ได้แก่ เขต 1 ตาร์ต-อิสรพงษ์ มากอำไพ,เขต 2 นายสราวุธ อ่อนละมัย และเขต 3 นายศักดิ์ ภักดีคง
นายจุรินทร์ กล่าวย้ำมั่นใจว่าผู้สมัครทั้ง 3เขต เป็นผู้มีศักยภาพสูงทุกคน เราสามารถคัมแบ็คแน่นอนในส่วนของจังหวัดชุมพร ส่วนในเขต 3เดิม มีอดีต ส.ส.ปชป.ที่ย้ายไปสนับสนุนพรรคอื่นจะทำให้เป็นการแย่งฐานคะแนนเดิมหรือไม่ พรรคก็มีฐานของพรรค บวกกับผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีฐานส่วนตัว มีฐานครอบครัว ญาติมิตรเพื่อนฝูงในเขต3 จำนวนมาก ต้องมั่นใจว่าเราสู้ได้ ส่วนคู่ต่อสู้ เป็นเรื่องปกติต้องแข่ง แต่เที่ยวนี้เราพร้อมมากสำหรับ3เขตในชุมพร
ชูนโยบายประมงขับเคลื่อนปท.
เมื่อถามว่าในเขตเลือกตั้งที่3 เป็นพื้นที่ทำประมงเป็นส่วนใหญ่ พรรคปชป.จะชูนโยบายเด่นๆ เพื่อเพิ่มคะแนนให้ผู้สมัครอย่างไรบ้าง นายจุรินทร์กล่าวว่า ผู้สมัครเขต 3 ของพรรค เป็น อดีตอธิบดีกรมประมงทราบดีทั้งหมด เพราะเคยทำงานร่วมกับตนมา เพียงเราไม่สามารถผลักดันทั้ง13ข้อ จนเป็นที่พอใจของชาวประมงได้ แต่นโยบายนี้ เราก็ยังเก็บไว้และได้มอบหมายให้ ว่าที่ผู้สมัครเขต 3 เนื่องจากมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนี้ เที่ยวหน้าจะต้องมาช่วยสรุปทำนโยบายเพื่อขับเคลื่อนประมงของประเทศให้ฟื้นกลับมาคู่กันทั้งประมงพื้นบ้าน หรือประมงพาณิชย์ ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเป็นแสนล้าน ถ้าเรามีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล และจะเป็นนโยบายหนึ่งในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
ส่วนคาดหวังที่นั่งจากการเลือกตั้งไว้อย่างไร หัวหน้าพรรคปชป. กล่าวว่า เราเคยประกาศไปแล้ว 35-40 ตน คิดว่าเป็นไปได้มาก 40ที่นั่ง ซึ่งเราไม่ได้พูดจากความฝัน แต่เราพูดจากฐานความเป็นจริง
‘ก้าวไกล’เปิดนโยบายแรกจัดหนัก
วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวเปิดงานแถลงนโยบายชุดแรกของพรรค ได้แก่“การเมืองไทยก้าวหน้า” โดยให้ด้านนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงนโยบายปฏิรูปกองทัพ โดยเริ่มจากการ“แจกใบแดงนายพล”ห้ามนายพลเกษียณอายุ เป็นรัฐมนตรีจนกว่าจะเกษียณครบ 7ปีเพื่อตัดวงจรการใช้อำนาจเส้นสายระบบอุปถัมภ์ของกองทัพมาสู่อำนาจทางการเมือง นอกจากนี้ พรรคยังมีนโยบาย ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใช้อำนาจล้นเกิน ก้าวก่ายกิจการราชการพลเรือน และในขณะเดียวกันก็ยกเลิกกฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งนำไปสู่การซ้อมทรมานในค่ายทหาร สร้างบาดแผล ความไม่ไว้วางใจให้กับคนในพื้นที่ ขัดขวางการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้
รื้อเกณฑ์ทหาร-คืนธุรกิจ-ที่ดินให้ปชช.
อีกทั้งจะมีการปรับโครงสร้างกองทัพให้กระชับ คล่องตัว ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ลดจำนวนนายพล เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย ยกเลิกระบบทหารรับใช้ ทหารต้องมีศักดิ์ศรี และปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ นอกจากนี้พรรคยังจะจัดการให้กองทัพคืนธุรกิจของกองทัพ ทั้งสนามกอล์ฟ โรงแรม ม้า มวย ให้กับรัฐบาล รวมถึงคืนที่ดินของกองทัพ ที่มีอยู่มากมายทั่วประเทศ ให้มาเป็นที่ทำกินของประชาชน แล้วให้ท้องถิ่นนำมาใช้ประโยชน์ เช่น ทำสนามกีฬา หรือลานเอนกประสงค์
นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงนโยบายการเมืองไทยก้าวหน้า ในหมวดศาลและกระบวนการยุติธรรม เริ่มจากการปฏิรูปศาล ให้ยึดโยงรับใช้ประชาชน ให้ผู้พิพากษาต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน และแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้แก่ กฎหมายอาญามาตรา112,มาตรา 116,พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พรรคได้เสนอแก้ไขไปแล้ว ขณะนี้ร่างแก้ไขชุดกฎหมายเหล่านี้ได้ถูกบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาแล้ว ยกเว้น ร่างแก้ไขกฎหมาย112ที่สภาไม่ยอมบรรจุเข้าวาระ โดยอ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่พรรค ยืนยันจะเดินหน้าผลักดันต่อไป หากได้เป็นรัฐบาล และย้ำว่าการแก้112ไม่ขัดรัฐธรรมนูญเนื่องจากไม่ได้กระทบต่อพระราชสถานะองพระมหากษัตริย์ ในฐานะประมุขของประเทศ
นายรังสิมันต์ ได้เปิดนโยบายการนำรัฐบาลไทยให้สัตยาบันรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศหรือICCเพื่อชำระสะสางคดีอาชญากรรมที่รัฐกระทำต่อประชาชนเช่นเหตุการณ์สังหารหมู่คนเสื้อแดงในปี2553รวมถึงโศกนาฏกรรมตากใบและป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมเช่นนี้อีกในอนาคต ยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลที่เกาะกินประเทศไทย และข้อเสนอใหญ่ที่สุดของพรรคก้าวไกลคือการนิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี2557เป็นต้นมา เพื่อคืนความเป็นธรรมและอนาคตให้กับประชาชนที่ต้องคดีการเมืองเพียงเพราะแสดงความเห็นต่างและวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์
บิ๊กป้อมจ่อเยือนสุราษฎรธานี
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันจันทร์ที่ 17 ต.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร จะเดินทางไปที่ห้องประชุมเมืองคนดี ศาลากลางจังหวัด เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของจังหวัด และสถานการณ์น้ำและแผนงานด้านทรัพยากรน้ำ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และแผนแผนการดำเนินงานโครงการแก้มลิงสระบัว(อ่างเก็บน้ำทุ่งกระจูด)ของกรมชลประทาน ส่วนกรมโยธาธิการและผังเมือง จะนำเสนอส่วนแผนการดำเนินงานโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองสุราษฎร์ธานี และการเตรียมการณ์รับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ รวมทั้งรับฟังรายงานสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในประเทศ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จากนั้นพล.อ.ประวิตร จะมอบนโยบายการทำงานต่อไป และจะเยี่ยมชมนิทรรศการการบริหารจัดการปาล์มน้ำมัน และพบปะประชาชน และเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน
จากนั้นช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองสุราษฎร์ธานี และติดตามโครงการแก้มลิงสระบัว (อ่างเก็บน้ำทุ่งกระจุด) ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน และพบปะประชาชน ก่อนเดินทางกลับ กทม.
ชูนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะนำเสนอให้กับพี่น้องประชาชน สำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้ว พปชร. ยังเดินหน้าสานต่อนโยบาย 3 พันธกิจหลัก ที่ประกอบด้วย 1.สวัสดิการประชารัฐขจัดความเหลื่อมล้ำ 2.เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และ 3.สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน โดยเป็นกรอบนโยบายที่จะมาช่วยเหลือประชาชน และตอบโจทย์ประเทศไทยภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมนำพาประเทศไทยรวมถึงประชาชนให้มีความกินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และช่วยเหลือชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง ครอบคลุมประชาชนทุกคนให้ได้รับสิทธิสวัสดิการของรัฐอย่างถ้วนหน้า
พล.อ. ประวิตร กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ เป็นการดำเนินนโยบาย เพื่อเป็นการต่อยอดจากการทำงาน และร่วมขับเคลื่อนนโยบายของพรรคในการบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้ เพราะเราต้องการต่อยอดนโยบายที่ดีและเป็นประโยชน์กับประชาชน พร้อมกับนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้น ประชาชนจะเป็นศูนย์กลางของการขับเคลื่อนนโยบาย โดยทุกนโยบายจะมีการพิจารณาถึงงบประมาณ สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของงบประมาณได้แน่นอน เราเน้นทำได้จริง ไม่ขายฝัน เราฟังเสียงประชาชนว่ามีความเดือดร้อนอย่างไร จึงมาสู่การกำหนดเป็นนโยบาย
ให้ความสำคัญกับทุกคน
“พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนทุกช่วงวัย ต้องทำให้ทุกคน มีโอกาส มีอนาคต ตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงการดูแลคนวัยทำงาน เพราะถือเป็นการสร้างอนาคตของประเทศ ถือเป็นการลงทุนทางสังคม เด็กทุกคนควรจะมีสิทธิเลือกว่าอยากมีอนาคตอย่างไร เด็กต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพที่ดี จึงเกิดเป็นนโยบายสวัสดิการประชารัฐ จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน”ที่ดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ด้วยมารดาประชารัฐ ฝากครรภ์ จนคลอด นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เราก็ไม่ทอดทิ้ง ต้องมีการดูแลสวัสดิภาพผู้สูงอายุ ยังสานต่อในเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ บ้านพัก และสวัสดิการรักษาพยาบาล ไปจนถึงแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และผู้ที่เสียชีวิต “พลเอกประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า นโยบายของพรรค ต้องคิดให้ละเอียดในการที่จะนำนโยบายไปใช้แต่ละพื้นที่ เพราะทุกพื้นที่มีความแตกต่างตามบริบทของท้องถิ่น แต่ยังคงยึด 3 เสาหลัก พรรคพลังประชารัฐ คือ สถาบันของการเมืองไทย เราคิดนโยบายเพื่อตอบโจทย์ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และตอบโจทย์ประชาชน เราจะเป็นพรรคที่ทำให้สังคมสงบสุข โดยจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยที่นโยบายของเราที่จะขับเคลื่อน เกิดขึ้นบนพื้นฐานการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ที่ประชาชนเห็นด้วย และให้การตอบรับในการทำงานที่ผ่านมา และพร้อมที่จะทำต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลกับประชาชนอย่างแท้จริง