เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ชุมพร –เปิดใจแม่ บริจาคอวัยวะลูกชาย ประสบอุบัติเหตุสมองตาย ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้ 7 คน ระบุเป็นทำบุญใหญ่ครั้งสุดท้าย เผยลูกเรียนจบปริญญาโทตั้งใจจะบวชหลังปีใหม่ แต่สุดท้ายไม่ได้ทำตามฝันชีวิตเหมือนถูกกำหนดเกิดวันอังคารตายวันอังคาร
วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 4 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านงานบำเพ็ญกุศลศพของ นายธนภัทร ชุมวรฐายี อายุ 28 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุสมองตาย และครอบครัวบริจาคอวัยวะสำคัญของร่างกายเพื่อให้แพทย์นำไปปลูกถ่ายช่วยต่อชีวิตผู้ป่วยรายอื่น ๆได้อีกหลายคน โดยบ้านที่บำเพ็ญกุลศพ มีพวงหรีดจากประชาชน หน่วยงานราชการ บุคคลสำคัญมาวางไว้อาลัยจำนวนมาก โดยกำหนดฌาปนกิจวันที่ 22 ธันวาคม 256 เวลา 13.00 น. ณ วัดเทพเจริญ
นางชูจิตร ภักตรมาศ อายุ 57 ปี อดีตพยาบาลโรงพยาบาลส่งเสริมประจำตำบลท่าข้ามซึ่งเป็นมารดาของผู้เสียชีวิต ส่วนบิดดาของผู้เสียชีวิต คือ นายณรงคฺ ชุมวรฐานยี อายุ 63 ปี ปัจจุบันเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าข้าม เดินทางไปที่อำเภอท่าแซะ เพื่อติดต่อเกี่ยวกับเรื่องเอกสารการเสียชีวิตของลูกชาย
นางชูจิตร ภักตรมาศ อายุ 57 ปี อดีตพยาบาลกล่าวว่า ตนลาออกจากราชการได้ 8 ปีแล้ว มีบุตรชาย 2 คน ผู้ตายเป็นบุตรคนโต เรียนจบปริญญาโท และ น้องชายอายุ 26 ปี กำลังเรียนเภสัชกรอยู่ที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ตนทำใจได้แล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนเกิดเหตุลูกชาย ได้เดินทางไปรับน้องชายซึ่งเรียนเภสัชกรรมที่กรุงเทพฯ กลับบ้าน โดยมีเพื่อนสนิทเป็นคนขับ แล้วไปประสบอุบัติเหตุที่โค้งอ่างทอง ถนนเพชรเกษม จ.ประจวบคีรีขันธ์
นางชูจิตร กล่าวว่า ลูกชายที่ประสบอุบัติเหตุ ถูกส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ โดยตนได้พบกับนายแพทย์ อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการ ซึ่งตนรู้จักเคยปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันสมัยท่านเป็น ผอ.อยู่โรงพยาบาลปะทิว จ.ชุมพร ท่านเป็นคนตั้งใจทำงาน เอาใจใส่ต่อผู้ป่วยทุกคน และทำงานเพื่อสังคม ซึ่งหลังได้พบและพูดคุยกับคณะแพทย์ ทราบว่า ลูกชายมีภาวะสมองตาย ใช้เครื่องช่วยเต้นหัวใจ ซึ่งไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้แล้ว แต่อวัยวะส่วนอื่น ๆยังใช้การได้
ตนจึงเอ่ยชื่อถึงลูกขอให้ลูกได้ทำบุญกุศลในครั้งสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไป ถือเป็นการทำกุศลอย่างยิ่งใหญ่ โดยขอบริจาค อวัยวะ ส่วนที่จะไปช่วยต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งสามี และคนครอบครัวก็เห็นด้วย และ ทราบว่าอวัยวะของลูกสามารถนำไปช่วยต่อชีวิตมนุษย์ได้ 6-7 คน และการผ่าตัดก็ทราบจากคณะแพทย์ว่าราบรื่นไม่มีอุปสรรคปัญหาใด ๆ สามารถนำอวัยวะไปปลูกถ่ายต่อให้กับผู้อื่นได้ทันตามเวลา เหมือนกับลูกชายก็พร้อมเต็มใจบริจาคอวัยวะของตนเองด้วยเช่นกัน
นางชูจิตร กล่าวต่อว่า ลูกชายที่เสียชีวิตปัจจุบันมีภรรยา และ มีลูกชายอายุ 2 ขวบ 1 คน อยู่บ้านหลังเดียวกัน ช่วยพ่อแม่ทำธุรกิจและเปิดร้านกาแฟ ลูกชายเป็นคนสนุกร่าเริง มองโลกในแง่ดี มีเพื่อนมาก หลังเรียนจบปริญญาโท ต้องการที่จะบวช หลังปีใหม่ แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน และ ลูกชายเองก็เริ่มศึกษาธรรมเพื่อเตรียมตัวจะบวชแล้วเช่นกัน
แต่ก็ไม่ทันได้บวชมาเสียชีวิตเสียก่อน ซึ่งลูกชายตนเกิดวันอังคารและเสียชีวิตวันอังคาร เกิดวันอังคารที่ 24 พฤษภาคม 2537 ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต วันอังคารที่ 13 ธันวาคม 2565 ซึ่งตนคิดว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ถึงตอนนี้ตนจึงทำใจได้แล้ว
นางชูจิตร ยังบอกฝากถึงทุก ๆคน ว่า มนุษย์เรานั้นเมื่อเราตายแล้ว อวัยวะส่วนต่าง ๆ ที่ยังใช้ได้ก็ควรจะบริจาคหรืออุทิศร่างกาย เพื่อเป็นสะพานบุญส่งต่อไปช่วยชีวิตผู้อื่นได้ ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล เพราะชีวิตเราสามารถช่วยเหลือต่อชีวิตให้ผู้อื่นได้อยู่ทำประโยชน์ต่อสังคมได้อีกหลายชีวิต ซึ่งอวัยวะของลูกตนช่วยได้ 7 ชีวิต แต่บางคนอาจจะช่วยได้มากว่า 10 ชีวิต.