60 จังหวัดติดเชื้อเกินร้อยราย กทม.ยังพุ่ง 3,152 ราย ดันยอดรายวันสูง 2.2 หมื่นราย ดับยังสูง 69 ราย มาจาก กทม. 15 ราย
เมื่อวันที่ 9 มี.ค ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 33 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 22,073 ราย สะสม 3,088,873 ราย หายป่วย 24,747 ราย สะสม 2,843,850 ราย เสียชีวิต 69 ราย สะสม 23,438 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 221,585 ราย อยู่ใน รพ. 60,837 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 160,748 ราย มีอาการหนัก 1,200 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 404 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 69 ราย มาจาก 32 จังหวัด ได้แก่ กทม. 15 ราย , ชลบุรี 5 ราย , สมุทรสาคร กระบี่ ชุมพร ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ ลพบุรี จังหวัดละ 3 ราย , สมุทรปราการ ขอนแก่น พะเยา ตรัง ปัตตานี กาญจนบุรี ตราด จังหวัดละ 2 ราย และ นครปฐม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ เพชรบูรณ์ ตาก นราธิวาส พังงา สตูล สุราษฎร์ธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สมุทรสงคราม พระนครศรีอยุธยา สระแก้ว สิงห์บุรี และสุพรรณบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 42 ราย หญิง 27 ราย อายุ 17 – 95 ปี เฉลี่ย 75 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 97%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุดคือ 1.กทม. 3,152 ราย 2.ชลบุรี 976 ราย 3.สมุทรปราการ 964 ราย 4.นนทบุรี 911 ราย 5.นครศรีธรรมราช 888 ราย 6.สมุทรสาคร 735 ราย 7.พระนครศรีอยุธยา 619 ราย 8.ภูเก็ต 545 ราย 9.บุรีรัมย์ 452 ราย และ 10.ฉะเชิงเทรา 436 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 50 จังหวัด คือ นครราชสีมา 415 ราย , นครปฐม 399 ราย , ขอนแก่น 368 ราย , ราชบุรี 365 ราย , สุพรรณบุรี 352 ราย , ระยอง 349 ราย , มหาสารคาม 343 ราย , สงขลา 335 ราย , ร้อยเอ็ด 320 ราย , สุรินทร์ 311 ราย , เชียงใหม่ 293 ราย , ปทุมธานี 286 ราย , กาญจนบุรี 285 ราย , อุบลราชธานี 274 ราย , กาฬสินธุ์ 262 ราย , หนองคาย 244 ราย , สระบุรี 243 ราย , นครสวรรค์ 240 ราย , เพชรบุรี 240 ราย , ปัตตานี 237 ราย , พัทลุง 233 ราย , ยะลา 231 ราย , ปราจีนบุรี 230 ราย , นราธิวาส 220 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 201 ราย
ศรีสะเกษ 198 ราย , สตูล 198 ราย , สระแก้ว 194 ราย , จันทบุรี 185 ราย , ตาก 182 ราย , อ่างทอง 182 ราย , สมุทรสงคราม 173 ราย , ลพบุรี 171 ราย , สุราษฎร์ธานี 171 ราย , ชัยภูมิ 169 ราย , ตรัง 167 ราย , พิษณุโลก 164 ราย , สกลนคร 161 ราย , อุดรธานี 154 ราย , กระบี่ 153 ราย , ชุมพร 148 ราย , นครนายก 148 ราย , ระนอง 144 ราย , สุโขทัย 137 ราย , เพชรบูรณ์ 124 ราย , บึงกาฬ 121 ราย , แพร่ 118 ราย , ยโสธร 118 ราย , สิงห์บุรี 105 ราย และหนองบัวลำภู 104 ราย ส่วนจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมี 1 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน 2 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 34 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 66 ราย ใน 30 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อมาก เช่น กัมพูชา 21 ราย , เยอรมนี 14ราย , เมียนมา 12 ราย อังกฤษ 9 ราย อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส ประเทศละ 5 ราย เป็นต้น ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 46 ราย แซนด์บ็อกซ์ 8 ราย ระบบกักตัว 26 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 12 ราย
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-8 มี.ค. 2565 จำนวน 64,432 ราย รายงานติดเชื้อ 734 ราย คิดเป็น 1.14% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 54,996 ราย ติดเชื้อ 472 ราย คิดเป็น 0.86% แซนด์บ็อกซ์ 8,179 ราย ติดเชื้อ 242 ราย คิดเป็น 2.96% และกักตัว 1,257 ราย ติดเชื้อ 20 ราย คิดเป็น 1.59%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 8 มี.ค. ฉีดได้ 162,439 โดส สะสมรวม 125,199,011 โดส เป็นเข็มแรก 54,039,149 ราย คิดเป็น 77.7% ของประชากร เข็มสอง 49,896,606 ราย คิดเป็น 71.7% ของประชากร และเข็มสาม 21,263,256 ราย คิดเป็น 30.6% ของประชากร